ชีวประวัติ ของ โรเบิร์ต สมิธสัน

ชีวิตวัยเด็ก

โรเบิร์ต สมิธสัน เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม ค.ศ.1938 ในเมือง ปาเซอิก รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา สมิธสันเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว ในเวลาต่อมาเขาได้ย้ายไปอาศัยที่เมืองรูเทอร์ฟอร์ด ขณะที่อาศัยอยู่ที่นั่นบิดาของเขาได้ปลูกฝังให้มีความสนใจในเรื่องเกี่ยวกับพฤกษศาสตร์และสัตวศาสตร์ โดยเขาเริ่มสนใจเก็บสะสมฟอสซิล เปลือกหอย และแมลง ต่างๆ [1]

แรงบันดาลใจในการเป็นศิลปิน

เมื่อเขาอายุ 9 ปี ครอบครัวของเขาได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่เมืองคลิฟตัน เขาเริ่มสนใจที่จะเป็นศิลปินมากขึ้นในเวลานั้น [2]ซึ่งต่อมาเขาได้ศึกษาศิลปะที่ โรงเรียนศิลปะ อาร์ต สติวเดนท์ลีค ในเมืองนิวยอร์ค ตั้งแต่ปี 1955 ถึง 1956 [3]อย่างไรก็ตาม เขาไม่ประสบความสำเร็จในการศึกษาเท่าไรนัก แต่การได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนดังกล่าวก็ทำให้เขารู้จักกับผู้คนในแวดวงศิลปะจากโรงเรียนมัธยม The High School of Music & Art ในเมืองนิวยอร์คมากขึ้น ในช่วงเวลานั้น ทุกๆ วันเสาร์ เขาจะไปที่สตูดิโอของเพื่อนที่ชื่อ ไอแซค ซอว์เยอร์ (Isaac Soyer) เพื่อรวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่นๆ ไปวาดรูปกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาชอบพูดคุยเกี่ยวกับศิลปะ ไปชมพิพิธภัณฑ์ และออกไปชมบรรยากาศที่ชานเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่า เรียบง่าย และบริสุทธิ์ [4]ในช่วงประมาณปี 1956 – 1957 เขาเข้ารับราชการทหารเป็นเวลา 6 เดือน หลังออกจากราชการทหาร เขาย้ายไปอยู่ที่นิวยอร์คในปี 1957

ชีวิตการทำงาน

ช่วงแรกเริ่มของการทำงาน

ในช่วงปีค.ศ. 1950 เวอร์จีเนีย ดอว์น ผู้ประกอบการค้าด้านศิลปะ ได้ประกาศให้สมิธสันเป็นที่รู้จักต่อวงการศิลปะ ซึ่งต่อมาสมิธสันก็ได้รับรางวัลจากผลงานโชว์เดี่ยวที่ Artists’ Gallery ในปี ค.ศ.1959 และในห้วงเวลานั้น สมิธสันได้ผลิตผลงานจิตรกรรม ภาพวาด และภาพตัดแปะ (ในตอนนั้นเขายังไม่ได้สร้างผลงานประติมากรรม) ออกมาในรูปแบบแอ๊บแสตร็กเอ็กเพรสชั่นนิสม์ โดยผลงานของสมิธสันจะใช้สื่อมีเดีย และยังสร้างผลงานที่ใช้กาวน้ำ สีเทียน ดินสอ และภาพถ่ายเช่นกัน การใช้ดอว์นเป็นสื่อกลางทำให้เขาได้รู้จักกับประติมากรที่เป็นผู้บุกเบิกงานศิลปะจุลนิยม (Minimalism) ที่เริ่มเคลื่อนไหวในช่วงปี ค.ศ.1960 ประกอบไปด้วยศิลปินที่ชื่อเสียงเช่น คาร์ล อองเดรย์ โดนัล จัดด์ โรเบิร์ต มอริส และแนนซี โฮลต์ นอกเหนือจากงานศิลปะที่กล่าวข้างต้น เขายังสร้างสรรค์ผลงานภาพตัดแปะ (Collages) ขึ้นในช่วงปีค.ศ.1960 ประกอบกับผลงานพวกเปลือกหอย ยานอวกาศ และพื้นดิน ในช่วงปี ค.ศ. 1962-1963 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลงานด้านความงามแห่งแอ๊บแสร็คเอ็กเพรสชั่นนิสม์ อย่าง Algae ขึ้นในปี ค.ศ.1962 อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ได้แสดงให้เห็นพัฒนาการของศิลปินที่ใช้ดินเป็นแรงบันดาลใจและเป็นส่วนหนึ่งในรูปแบบของงานศิลปะที่เป็นวัสดุจากธรรมชาติ รวมทั้งที่ไม่เป็นธรรมชาติ และงานศิลปะที่ใช้พื้นที่เจาะจง

ในปี ค.ศ. 1964 สมิธสันได้สร้างสรรค์งานประติมากรรมโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวคิดจุลนิยมที่กำลังนำสมัยในช่วงนั้น ช่วงระยะแรกผลงานค่อนข้างออกมาดี แต่ทว่าสมิธสันรู้สึกอึดอัดที่จะเก็บตัวทำงานอยู่แต่ในสตูดิโอ ทำให้ในช่วงกลางปี ค.ศ. 1960 เขาเลือกที่จะเดินทางไปที่รัฐนิวเจอร์ซี เพื่อชมเหมืองหินและเขตอุตสาหกรรมที่รกร้าง อีกทั้งเขายังได้ใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อเดินทางไปยังอเมริกาฝั่งตะวันตก และตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งสถานที่เหล่านั้นจุดประกายให้เขามีความสนใจในทะเลทรายและผืนแผ่นดินนอกเมืองที่ยังไม่เคยมีมนุษย์เข้ามาปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์[5]

การเป็นศิลปินเต็มตัว

ปี ค.ศ. 1967-1968 สมิธสันได้มุ่งไปที่งานประติมากรรมรูปร่างประหลาดสองแบบ คือ ไซท์และนันไซท์ โดยใช้กระจกและวัสดุที่เป็นธรรมชาติในการสร้างงานสามมิติรูปแบบใหม่ สำหรับงานไซท์นั้น เขาได้เดินทางไปยัง นิวเจอร์ซี่ แม็กซิโก อังกฤษ และเยอรมันตะวันตก และอื่นๆ โดยมีภรรยาของเขา แนนซี โฮลต์ และ ผู้ประกอบการค้าศิลปะ ชื่อ เวอร์จิเนีย ดอว์น เดินทางไปด้วย ระหว่างที่เขากำลังเลือกไซท์อยู่นั้น สมิธสันจัดวางชุดกระจกลงสู่การติดตั้งแบบธรรมชาติ และถ่ายภาพ ที่ดินกว้างที่ถูกปรับเปลี่ยน ผลลัพธ์ของการกระทำดังกล่าวได้ทำให้เกิดผลกระทบต่อความงาม ที่เกิดจากการแทรกวัสดุปรุงแต่งเข้าไปสู่การพื้นที่ที่บริสุทธิ์นั่นเอง ในขณะที่สมิธสันทำงานไซท์ และนันไซท์ เขายังสร้างสรรค์ชุดงานที่รู้จักกันในชื่อ โฟโต้ เมคเกอร์ ซึ่งมีลักษณะในทางตรงข้ามกับงานไซท์ และนันไซท์อย่างสิ้นเชิง โฟโต้ เมคเกอร์ ยังเป็นการสำรวจผลกระทบจากการที่มนุษย์เข้าไปรบกวนธรรมชาติ ซึ่งวิธีดังกล่าวคือสมิธสันจะถ่ายรูปพื้นที่แต่ละแห่ง นำรูปนั้นมาขยาย และนำไปแปะลงบนภูมิทัศน์จริงที่ได้กล่าวถึงไว้ จากนั้นจะทำการถ่ายรูปซ้ำอีกครั้ง เพื่อสร้างรูปคู่ของธรรมชาติและภาพถ่าย เพื่อให้ดูเหมือนกับว่า ธรรมชาติกำลังอ้างอิงถึงตัวมันเอง

งานเอิร์ธเวิคของสมิธสันเป็นมากกว่าภาพร่างธรรมดา งานเหล่านี้เปรียบเสมือนข้อเสนอการใช้พื้นที่เฉพาะที่ปรากฏอยู่บนกระดาษเสียมากกว่า ช่วงปี ค.ศ. 1969-1970 สมิธสันได้สร้างภาพวาดที่จะเป็นโครงการคร่าวๆ ขึ้นจำนวนมาก ซึ่งในงานเอิร์ธเวิร์คระยะแรก อย่าง Asphalt Rundown (ตุลาคม 1969) และ เทกาว (ธันวาคม 1969) นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากความสนในเรื่อง เอนโทรปี และ นามธรรม โดยเริ่มตั้งแต่วัสดุระบายความร้อนที่ถูกทิ้งแล้วให้กลายมาเป็นรูปแบบนามธรรม ที่เป็นผลมาจากการสูญเสียความร้อน

ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่และผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขา คือ สไปรัล เจตตี (Spiral Jetty) ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1970 หลังจากนั้นเขาได้ซื้อที่ดินบนชายฝั่งทางตอนเหนือของทะเลสาบเกรตซอลต์ ในรัฐยูทาห์ และใส่สสารสีม่วงแดงลงไปในน้ำ ที่ซึ่งประกอบด้วยดินประมาณ 6560 ตัน งาน Jetty ต่างจากกงานเอิร์ธเวิร์คงานก่อนๆ มันเป็นการรวบรวมความกลมกลืนของสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติมาไว้ด้วยกัน และในปีต่อๆมา สมิธสันได้ลงมือทำผลงานเอิร์ธเวิร์คโดยใช้ทฤษฎีบทเดิม จนกระทั่งในปิ ค.ศ. 1971 เขาได้ทำงาน Broken Circle/Spiral Hill ซึ่งตั้งอยู่ในเหมืองใกล้อ็อมม็อง ประเทศฮอลแลนด์ หลังจากนั้น สมิธสันก็กลับมาที่สหรัฐอเมริกาเพื่อทำผลงานชิ้นสุดท้ายในชีวิตของเขา[6]

ชีวิตคู่

โรเบิร์ตสมิธสันพบกับ แนนซี โฮลต์ เมื่อสมัยยังเด็ก และต่อมาได้กันอีกครั้งที่นิวยอร์คในปีค.ศ.1959 แล้วพวกเขาได้ย้ายไปอาศัยอยู่ด้วยกันที่หมู่บ้านแมนแฮตตันตะวันตก (West Manhattan) และตัดสินใจแต่งงานกันในฤดูร้อนปีค.ศ. 1963 หลังจากนั้น โรเบิร์ตและแนนซีได้เดินทางไปทั่วโลก ร่วมมือกันสร้างผลงานด้านภูมิศิลป์มากมาย

การเสียชีวิต

เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1973 ด้วยวัย 35 ปี ที่เมืองอมาริลโล รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตกในขณะที่กำลังบินสำรวจพื้นที่สำหรับทำงานศิลปะ [7] และถ่ายภาพสถานที่งานชิ้นใหม่ ชื่อ อมาริลโล แรมป์ (Amarillo Ramp) ซึ่งหลังจากที่เขาเสียชีวิตลง ภรรยาของเขา แนนซี โฮลต์ รวมทั้งเพื่อนศิลปินริชาร์ด เซอรา และคนอื่นๆ ได้ช่วยกันสานต่อผลงานชิ้นนี้จนเสร็จสิ้น

ใกล้เคียง

โรเบิร์ต สายควัน โรเบิร์ต สมิธสัน โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ โรเบิร์ต แพตตินสัน โรเบิร์ต แม็กนามารา โรเบิร์ต บอยล์ โรเบิร์ต อี. ลี โรเบิร์ต กัมปิน โรเบิร์ต เซเม็กคิส โรเบิร์ต แวดโลว์